20230828 ほどうはなし เรื่องเล่าริมทาง วันนี้วันจันทร์แล้วครับ ต่อจากเรื่องที่แล้วเช้าวันนี้ผมมีนัดนำรถเข้าไปตรวจสภาพหลังจากที่สตาร์ทไม่ติด วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องตื่นเช้ามาก เช้ามากสำหรับผมคือก่อน 8 โมง วันนี้ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้แต่ไม่ทันที่นาฬิกาจะได้ทำหน้าที่ เสียงที่ทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นเสียงของอูนิแมวสีจินเจอร์ หลังจากเปิดประตูให้แมวออกไปเดินเล่น ล้างหน้าแปรงฟันก็ต้องเร่งไปที่ศูนย์บริการที่วางใจ วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ออกจากบ้านโดยไม่ได้นั่งเล่นกับแมวตอนเช้า สภาพการจราจรไม่โหดร้าย ทำการจองเวลาไว้ที่ 9 โมงเช้าไปถึง 9 โมง 10นาที ในรถวันนี้สารภาพว่าโล่งสะอาดผิดปกติวิสัย เอาของเล่นทั้งหมดออกจากรถเรียบร้อย เป็นรถเปล่าที่มีหมอน 1ใบ รองเท้าหนัง 1คู่รองเท้าแตะ1คู่ สร้างภาพว่าเป็นคนพร้อมเปลี่ยนสภาพรองเท้าได้ทุกเมื่อ
แผนการในวันนี้คือจะรอรับรถที่เสร็จก่อนเที่ยงแล้วระหว่างนั้นจะนั่งทำงานที่ศูนย์บริการไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
จอแสดงรายชื่อของรถที่เข้ารับบริการขึ้นบอกเวลาที่จะจบการให้บริการขึ้นมา 15:00 น. ใจก็พร้อมจะแบกกระเป๋ากลับไปที่ออฟฟิศก่อนแล้วค่อยแวะกลับมาอีกทีช่วงบ่าย
หลังจากออกจากศูนย์บริการจึงได้ทีโอกาสไปยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์ที่ไม่มีผมเพียงผู้เดียวที่ยืนรอรถเมล์ ท่ามกลางการจราจรที่เบาบางของถนนนราธิวาส รถเพียงสายเดียวที่เฝ้ารอคือสาย 77 ใช้เวลารอไม่นานฟังนิยายจีนจบไปได้ 1 ตอน มาถึงบางรักประสบการณ์การขึ้นรถเมล์ของผมยังเป็นเหมือนกับช่วงก่อนๆที่ยังต้องโดยสารรถเมล์เป็นพาหนะหลัก นั่นคือ ทั้งรถมีมักจะมีคนแก่เป็นส่วนมาก คนแก่คือ 60ปีขึ้นไป เป็นเรื่องที่สงสัยแต่ไม่ต้องรู้ก็ได้ ว่าหนุ่มสาววัยทำงานหายไปไหนจากระบบขนส่งมวลชนในช่วง 10โมง เยาวราช เยาวราชเป็นถนนสายหนึ่งที่ต้องผ่านก่อนจะมุ่งกลับไปที่ออฟฟิศ และตอนนี้ยังเช้าอยู่(ยังไม่เที่ยง) เลยลงรถที่ต้นถนนเยาวราช แวะไปกินบะหมี่ร้านที่ชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน
แต่มีปัญหาคือ ในตัวตอนนี้มีแต่แบงค์พัน โทรศัพท์กล้องเสียบสแกนจ่ายไม่ได้ ตำแหน่งที่กดเงินที่พอจะนึกขึ้นได้เป็นที่สถานีรถใต้ดิน เลยต้องถ่อกายเดินไปที่สถานี
ที่หน้าสถานี มีเสียงคนทักมาว่า “พี่ไปลงที่สามยอดใช่มะ?” พอหันกลับไปก็ได้พบกับ น้องจิวเด็กหนุ่มผู้ระทม จิวเป็นรุ่นน้องคนหนึ่ง ที่ได้รู้จักกันเมื่อปีที่แล้วในช่วงปีสุดท้ายก่อนต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในวันแรกที่ได้คุยกัน จิวเป็นเด็กที่เคยเรียนดีในช่วงม.ต้นไปได้ไกลถึงเกือบจะเป็นผู้แทนไปแข่งขันทางด้านวิชาการระดับโลก แต่ก็ทิ้งทุกอย่างหันไปให้กับการใช้ชีวิต พอมารู้ตัวอีกทีก็ ม.6 เสียแล้วและต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอีก 5-6 เดือน ในตอนนั้นผมได้แนะนำจิวไปว่า เวลาที่มีอยู่ 5-6 เดือนนี้ยังพอสำหรับเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ขอให้ตั้งใจอย่าหมดไฟ
วันนี้จิวเด็กหนุ่มผู้ระทมไม่ได้ระทมอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่จิวเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำในคณะวิศวกรรมดั่งที่คาดหวัง ทั้งยังสมหวังกับความตั้งใจที่จะมีแฟนเมื่อเช้ามหาวิทยาลัย และได้กลุ่มเพื่อนที่ดี ช่วงเวลาเรียนก็ดีไม่เช้ามาก จึงทำให้วันนี้ได้มาเจอกัน โดยบังเอิญ
บทสนทนาทั้งหมดต้องจบลงจากจุดเริ่มที่หน้าสถานีวัดมังกรมาสิ้นสุดซื้อตั๋วในสถานี . . . . ไม่มีตู้กดเงิน ผมและน้องจิวจึงต้องแยกกันตรงนี้ ก่อนแยกกันจิวได้บอกกับส่งท้ายมาว่า สี่ห้าเดือนที่พยายามอ่านหนังสือสอบตอนนั้นมันคุ้มค่าจริงๆ และจากนี้ผมขอตั้งชื่อให้ใหม่เป็น จิวเด็กหนุ่มผู้สมหวัง
ระหว่างทางกลับขึ้นมาหน้าสถานีผมก็เริ่มจะคิดได้ว่า เราไม่ต้องกดเงินก็ได้นี่หว่า เราเอาแบงค์พันไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแล้วเอาเงินทอนไปกินข้าวก็ได้ . . . . .. ถ้าคิดได้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เจอน้องจิวเด็กหนุ่มผู้สมหวัง
วันนี้เรียกว่าโชคดีก็ได้มาถึงแล้วได้เจอเจ้ เจ้คือเจ้าของร้านบะหมี่สาขานี้ ต่างก็ทักมายกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อสื่อถึงกันว่ายังมีชีวิตที่สบายดี
วันนี้เจ้ก็ทักมาด้วยว่า “นี่แฟนพันธุ์แท้เลย กินมาตั้งแต่ตรงนี้ยังไม่ทุบ” ร้านบะหมี่ร้านนี้เป็นร้านที่ผมได้มาเจอช่วงที่มาเรียนพิเศษในช่วง ม.6 เป็นโชคดีของผมที่ได้มาเจอร้านบะหมี่ที่ถูกใจตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 18 ปี
หลังจากกินข้าวเสร็จเวลายังเดินไปไม่ถึง 11โมง ถ้าเทียบกับกิจวัตรของผมที่เป็นช่วงที่เพิ่งจะตื่นดีได้ไม่นาน วันนี้ทำกิจวัตรทั้งหลายจบไปแทบจะหมดแล้ว เวลาที่เหลือของวันนี้ทั้งหมดคือกำไร
กลับมาถึงออฟฟิศไม่มีอะไรมากสะสางงานให้หมดจด บ่ายสองออกเดินมางด้วยรถเมล์เพื่อไปรับรถ ระหว่างที่รอรถ รถสาย 1 มาถึงพร้อมกันสองคัน รถร้อนมาถึงก่อน รถแอร์ตามมาด้านหลัง ก่อนที่รถจะมาจอดถึงผ้ายใจก็คิด นั่งรถร้อนได้เจอผู้ร่วมเดินทางเยอะกว่า นั่งรถแอร์ก็ได้ลองขึ้นสาย 1แอร์ ที่เพิ่งจะมี เลยตั้งใจจะขึ้นรถแอร์ แต่ รถร้อนไม่ขยับครับ จอดแช่ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าทุกคนมาขึ้นคันนี้สิ แล้วก็เหมอืนผมจะจับสัญญาณได้มั้งครับ เลยก้าวขึ้นไปบนรถร้อนกับผู่ร่วมเดินทางแปลกหน้าทั้งหลาย
ตลอดทางเส้นเจริญกรุง สิ่งที่ปรากฏออกมาคือรถร้อนไม่ยอมให้รถแอร์แซงหน้า รถแอร์ก็ไม่แซง ใจผมก็คิดตลอดทางว่า จะลงจากรถร้อนไปขึ้นรถแอร์ดีไหมนะ สุดท้ายเมื่อถึงแถวหัวลำโพงผมก็ลงจากรถร้อนเพื่อไปขึ้นรถแอร์
สรุปได้ว่าได้ 2 อรรถรสในการเดินทาง
พอถึงศูนย์บริการรับรถเรียบร้อย เอาใบขับขี่ใบไปให้ฝ่ายประกันเพื่อทำเรื่องเคลมก็ได้พบกับพีผ่ฝ่ายประกันที่เค้าจำหน้าผมได้ ก็ทักทายกันให้รู้ว่า วันนี้เอารภมาเช้คระยะตรวจสภาพ
ส่วนสาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากแบตเตอรีที่เพิ่งเปลี่ยนมาเมื่อปีที่แล้ว ใช่ครับเพิ่งเปลี่ยนแบตมาเมื่อปีที่แล้ว แบตก่อนนี้ใช้มา 5 ปีไม่เคยมีปัญหาเปลี่ยนแบตนอกศูนย์ปีเดียวบุ้งเลย
วันนี้ทางทีมช่างเลยแนะนำให้เปลี่ยนแบตของศุนย์ที่ตรงกับรุ่นรถ ราคาแพงกว่าสองเท่ากว่าๆแต่ก็พร้อมจ่ายครับ เพื่อความสบายใจของตัวเอง
วันนี้รวมๆแล้วเดินเยอะมากครับ กลับบ้านมาเกิดอาการที่เรียกอยู่คนเดียวรึเปล่าไม่รู้ว่า แสบดาก
วันนี้ก็ประมาณนี้ครับ