เรื่องนี้คิดขึ้นจริง!!!

เรื่องนี้คิดขึ้นจริงแต่ไม่เกิดขึ้นจริง
ในขณะที่คุยกับเรากับน้องT138 อยู่ในสภาพสมบูรณ์ปกติไม่ได้อัพยาแต่อย่างใด
วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้คุยกับน้องT138เรื่องถ้าจุล้าจะย้ายอูเท็นออกแล้วต้องเอาเกี๋ยวอุดมออกไปด้วย
เป็นเราจะเอาออกไปให้หมดเลยเพื่อความเท่าเทียม

แล้วก็วกมาเรื่องโรงเรียนสวนชบายุคหลังๆไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่าความคิดสร้างสรรมีแต่แนวคิดล้อเลียนเลียนแบบ ตามกระแส ไม่ได้มีสไตล์ของตัวเอง

วกมาได้ยังไงฟระ

เราเลยยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งออกมาให้ชวนคิดเพื่อสร้างสรรความมันส์จากที่เห็นในโพสต์พี่เอ็ดมาฝันต่อในหัวข้อ

ถ้าวัดราบเอาที่โรงเรียนสวนชบาคืนจะเกิดอะไรขึ้น?
ในจักรวาลนี้ นักเรียนทุกคนที่สอบเข้ามาได้จะต้องบวชเป็นเณรเพื่อเข้าเรียน
แน่นอนว่าจีวรสีชมพูฟ้าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ทุกคนจำได้ดี
เห็นข้างหลังก็รู้ว่าอยู่เรียนที่ไหน

วิชาเรียนนอกจากวิชาการแล้วการสืบทอดศาสนาก็เป็นหนึ่งในกิจกรรม
ม.ต้นต้องซ้อมสวดมนต์อาทิตย์ละ 1 ครั้ง

กิจกรรมรวมใจอย่างฟุตบอลก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเจอกับทีมสามเณรสวนชบาสามเณรลูกหนังแห่งวงการการศึกษา

ยามฟุตบอลเกมตึงคับขับเพลงเชียร์ที่ใช้ต้องเสริมมาด้วยบทสวดที่เพิ่มบัฟให้กับนักเตะในสนามแน่นอนคาถาปราบมาร และป้องกันต้องสวดให้พร้อมเพียงกัน เพจตาลปัตรจำเป็นต้องมีแล้วรึเปล่า?

เกริ่นฝันให้ฟังประมาณนี้

ในคืนเดียวกันน้อง T138 ส่งรูปกางเกงช้างสวนชบามาให้ดู ….

เรื่อง : GarGoy
ภาพAI : T138
แต่งภาพ : GarGoy

Posted in Uncategorized | Leave a comment

バスの話 : 9ストップの間に

เรื่องเล่าประจำทาง : ภายใน9ป้าย

เรื่องนี้นับเป็นเรื่องแทรกเสริมการอ่านสั้นๆประจำวันประจำวันนี้ละกัน
วันนี้ตื่น7โมงรีบออกไปสอบใช้เวลารอกว่ารถจะมาก็พอสมควร

พอขึ้นรถไปนั่งได้ที่หยิบเอกสารอ่านอีกรอบทบทวนเรื่องที่ควรรู้
ในเวลาเดียวกันในรถ บทสนทนาของผู้สูงอายุที่ไม่รู้จักกันนั่งคนละฝั่งแต่คุยไปด้วยกัน
ดังเข้ามาจนเรียกว่า เป็นปฏิปักษ์กับการสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือ

ผ่านไป 2 ป้ายเริ่มจับใจความที่ป้าผู้หญิง60+คุยกับลุงผู้ชายอายุ70+ได้ว่า
ลุงนั่งรถมาซื้อกับข้าวที่ตลาดตรอกหม้อ
ลุงมีเคยมีแฟนแต่แฟนตายไปแล้วเมื่อ 27 ปีก่อน
แต่ลุงก็มีแฟนใหม่เมื่อ 26 ปีก่อน ลุงมีลูกสองคนมีลูกชายกับภรรยาคนแรก
และมีลูกสาวกับภรรยาคนปัจจุบัน ตอนนี้ลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนแรกตายแล้ว
ลุงอยู่บ้านกับภรรยาและลูกสาว ที่บ้านก็ไม่อยากจะให้ออกมาข้างนอกเวลาไปไหนมาไหนก็อยากจะขับรถมาส่ง
แต่ลุงชอบนั่งรถเมล์ เวลาจะไปไหนมาไหนก็จะมาแต่เช้าเพราะว่าไม่ร้อน
ไปถึงป้ายที่ 3 ลุงเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่แต่งงานกับภรรยาคนที่2เป็นคนไทย
ในรถไม่มีใครพูดถึงการคุยเสียงดังของลุงและป้าที่ไม่รู้จักกัน

ช่วงป้ายที่7 ป้าถามลุงว่าปกติลุงทำกับข้าวกินเองหรือซื้อกินลุงบอกว่าวันนี้มาซื้อกับข้าวสองอย่าง
ของแพง เมื่อก่อนทอง300 ตอนนี้ 35000

ป้ายที่ 9 ลงรถเดินหาตึกสอบ
ระหว่าง9ป้านได้อะไรสิ่งเดียวที่ได้คือ ความรู้สึกที่ว่าถ้าลุงเค้าเอาเรื่องที่เราจะสอบมาคุยกันบนรถตอนสอบได้คะแนนเกือบเต็มแน่ๆ
ส่วนที่เปิดๆอ่านมาตลอดทางไม่ได้อะไรเลย

End of story

Posted in バスの話 | Tagged | Leave a comment

20240310 クールじゃない?

20240310 ก็เท่ดีหรือเปล่า?
สั้นๆประจำวัน

โพสต์ต่อไปจะเขียนถึงเรื่องที่บ่นไปเรื่อยว่าโรงเรียนxxx ช่วงหลังๆมีความคิดแต่ไม่ค่อยสร้างสรรล้อเลียนเลียนแบบParodyเนืองๆ และจะยกเรื่องคิดอาจจะไม่สร้างสรรแต่มันส์นิ้วสนุกฝัน ก็รอว่ากันไป

ส่วนเรื่องของวันนี้ไปสอบมา ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็พีคชีวิตตราตรึงวันสมัครสอบกระจกรถก็ร้าวร้าวโดยไม่มีสาเหตุงานเยอะมากจนทำไม่ทันจนถึงจุดหนึ่ง เพลงพี่น้อยก็ดังขึ้นมาและบอกว่า “เวลานี้ไม่สนไม่ห่วงใครทำได้เท่าไรก็เท่านั้น” ซาโตริทันที
ช่วงเตรียมตัวปัญหาอย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้แก้มาสักพักคือปากกา ปากกาที่ใช้อยู่ประจำเป็นปากกาที่เขียนได้ประทับใจสีหมึกโดดเด่นแต่เขียนได้ไม่เยอะหมายความว่าการไหลของน้ำหมึกไม่สามารถเขียนหนังสือหลายๆหน้าได้ แต่ถ้าประโยคสั้นๆไม่มีปัญหาเลยตัดสินใจซื้อปากกาใหม่พร้อมหมึกสีใหม่เลยตอนเลือกสีหมึกก็เลือกยากเพราะถูกใสอยู่สองสีเฉดต่างกันนิดเดียว

ช่วงเตรียมตัวสอบกำลังจะอ่านหนังสือเพื่อนสนิทก็ชิ่งกลับไปวัลฮาลาแบบไม่แจ้งล่วงหน้าไปดีมาดี

พอจบงานของเพื่อนรักแล้ว5วันก่อนสอบสิง่ที่เตรียมตัวคือเขียนยังดีที่ปีนี้เขียนอะไรด้วยปากกาอยู่บ้างแต่ไม่มากพอต้องซ้อมเขียนไปเรื่อยพอเขียนไปก็ได้คิดปล่อยเตลิดลงไปกับปลายปากกาปากกาอันใหม่เขียนดีหมึกไหลไม่สะดุดประทับใจจะมีบางช่วงถ้าเขียนแล้วหยุดคิดต้องรอหมึกไหลมาที่ปลายปากกาใหม่หัวปากกา ef ดีมาก

เรื่องการเขียนก็ไม่มีปัญหาความรู้ก็พอมีแนวคิดไม่ได้แย่
แต่
ปัญหาที่เจอในห้องสอบคือโต๊ะเก้าอี้ทำข้อสอบเล็กไปจริงๆก็ขนาดโต๊ะเรียนปกติแต่ไม่มีที่วางแขนซ้าย โพสต์ในการนั่งเขียนหนังสือแบบปกติเลยใช้ไม่ได้ความสูงของเก้าอี้กับแผ่นรองเขียนก็ไม่ชิน ข้อสอบมีไม่เยอะเขียนหมด แต่กว่าจะได้เริ่มเขียนก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงนั่งคิดลำดับการเล่าเรื่องไม่อยากเขียนๆลบๆเปลืองหมึก_

การสอบดูรัดกุมออกแบบมาดีโดยไม่ให้เขียนชื่อหรือนามสกุลในข้อสอบเลยใบปะหน้าข้อสอบมีเลขที่สอบที่เอาไว้ฉีกออกเพื่อให้คนตรวจข้อสอบไม่รู้ว่ากำลังอ่านข้อสอบของใครอยู่

ปากกาให้ใช้ปากกาน้ำเงินหรือดำเท่านั้นก็ตามนั้นแต่เราก็มีทักษะเฉพาะตัวสำหรับคนที่ชอบเขียน

สอบผ่านไปด้วยดีถ้าคะแนนเกินครึ่งจะได้ผ่านเข้ารอบต่อพอ
ออกจากห้องสอบมาแม่โทรมาแต่ไม่ได้บอกแม่หรือบอกที่บ้านว่ามาสอบแม่แค่โทรมาบอกว่ารถโดนชนจอดไว้หน้าบ้านนี่แหละแต่โดนชนก็ไม่ได้อะไรอุบัติเหตุเกิดได้เสมอพอกลับมาถึงบ้านก็เห็นคู่กรณีหน้าคุ้นๆไม่รู้ว่ารุ่นพี่หรือรุ่นน้องแต่ก็สบายๆแดดร้อนพอแล้ววันนี้เคลียร์ประกันเสร็จสุขใจได้เล่นกับแมวใช้วันหยุดให้เป็นวันหยุดรถที่เป็นรอยใจก็ไม่อยากจะซ่อมทิ้งเอาไว้ก็สวยดีเป็นที่ระลึกวันนึงโดนพอร์ชเฉี่ยว

Posted in สั้นๆประจำวัน | Tagged | Leave a comment

20240226 家が近いのに

20240226 ทั้งๆที่บ้านใกล้
สั้นๆประจำวัน

เกริ่นหน่อย คือช่วงนี้ตั้งแต่ปีใหม่อ่ะไปได้ปฏิทินพระราชทานมา
ชอบข้างในมากถ่ายเตรียมเองลงในช่องแต่ช่องยังทำโลโก้ไม่เสร็จ

ประเด็นคือ ช่วงที่ผ่านมาที่เมหือนจะไม่ได้เขียนอะไรที่หมายถึงไม่ค่อยได้พิมพ์อะไรส่วนหนึ่งเพราะว่าไปเขียนในสมุดเล่มนั้น แต่วันนี้ด้วยเวลาอันจำกัดและช่วงนี้เริ่มมองการเขียนหนังสือด้วยมือของตัวเองไม่ใช่การจดบันทึกแต่กลายเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งไปแล้ว ประหนึ่งการวาดรูปตัวอักษรตามวิถีแห่ง 書道(Shodou) การพิมพ์ดูจะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดคำในหัวได้ออกมาเร็วกว่าการนั่งเขียน

มาถึงบรรทัดนี้วันนี้ก็ไม่น่าจะสั้นแล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นเช้าด้วย ตื่นเช้าหมายถึงการตื่นโดยการตั้งนาฬิกาปลุก ไม่ว่าจะตื่นกี่โมงถ้าต้องตั้งนาฬิกาปลุกนั่นคือตื่นเช้าของเรา
แปะไว้ส่วนหนึ่งก็อยากจะเขียนเรื่องใบรับรองแพทย์ด้วย แต่เอาไว้ก่อน

วันนี้จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ซึ่งเป็นวันหนึ่งที่ได้หยุด วันหยุดคือไม่ต้องออกไปไหนไกล วันนี้จึงตั้งใจตั้งแต่เมื่อวานว่าจะไปสนามหลวง ไปสักการะพระบรมสารีขิกขธาตุและอรหันต์ธาตุของพระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร

มาถึงบรรทัดนี้ก็ต้องย้อนกลับไปกล่าวขออภัยที่เมื่อวันเสาร์รู้สึกว่า ทำไมถึงต้องแห่กันมาทำให้รถติดแบบคนอยู่แถวนี้อย่างเราถึงกับเบื่อชาวเปโคปอง . . .. เมื่อวันเสาร์ออกไปไหนฟระ . . . . อ่อไป อิเกียเวสเกต แล้วระหว่างทางไปด้วยใจที่คิดไม่ดีกับนักแสวงบุญจึงทำให้ขับรถเลยทางลงตรงเส้นบรมไปลงนู่นเลยสายสามมั้ง

เอาเป็นว่ากลับมาที่เมื่อวาน เมื่อวานก็แวะไปร้านการ์ดที่ไม่ได้ไปนานและแวะไปดูทีวี
ทั้งวันก็คิดไปมา โอกาสแบบนี้ไม่ได้จะมีหลายครั้งในชีวิตที่พระบรมสารีขิกธาตุได้รับการอัญเชิญมาจากอินเดียสู่สยามประเทศ บ้านก็ใกล้ไปไม่ลำบากคนอื่นดั้นด้นเดินทางมารถก็หาที่จอดยากเค้าก็ยังจะมา เราเดินไปแป๊บเดียวก็ถึง ไปหน่อยละกันจะได้แวะไปร้านหนังสือที่มหาจุฬาฯหาหนังสือไปเตรียมใส่กับสังฆทานอุทิศให้มิตรสหายที่ล่วงหน้าไปก่อนด้วย

วันนี้ตอนเช้าตื่นมาก็เช้า เช้ามากก่อน8 โมงแล้วก็เร่งรีบเล่นเกมเพราะกดิจกรรมในเกมมันจะจบตอนเย็นกลับมาเล่นคงไม่ทัน กว่าจะได้ลุกไปอาบน้ำก็เที่ยงกว่า เดินไปจากบ้านแดดไม่ร้อนเดินตัวเปล่าได้ไม่ต้องใช้ร่ม ถึงสนามหลวงใน 12 นาที

ผ่านจุดคัดกรอง รับดอกไม้ธุปเทียนเอาไปเวียนเทียนรอบมณฑปที่สร้างขึ้นมา
อย่างหนึ่งคือก็หายสงสัยเพราะเมื่อวันเสาร์อากาศร้อนมาก
ร้อนจนติดไปเรื่อยว่า ร้อนับแลบกับร้อนตับแตกอันไหนเจ็บกว่ากัน
และ อากาศร้อนแบบนี้พระธาตุจะร้อนมั้ยนะ พอมาถึงมณฑปก็หายสงสัยไปเลยมณทปมีร่มเงาแดดแรงแต่ก็ไม่ได้ร้อนจนเวียนเทียนไม่ได้ มีคนมาหลากหลาย บ้างก็เดินกดมือถือ บ้างก็เดินกางร่มเวียนเทียน มีคนเดินแบบดูเร่งๆรีบๆร้อนแดดจะเวียนให้จบเร็วๆ บางคนก็เดินไปสวดมนต์ไป มีคนหนึ่งเป็ฯสาวสูงอายุนั่งรถดเข็นมาให้ลุกหลานเข็นเวียนเทียนรอบมณฑป คนไม่ค่อยมีมารยาทบางคนก็หยึดถ่ายรูป

ถ้าถ่ายรูปแล้วได้บุญ… อ่ะวันนี้จะไม่พูดไม่ดี

พอเวียนเทียนเสร็จก็สุขใจดี ไว้มาได้อีกไม่ลำบาก

หนังสือสอบยังไม่ได้อ่านมานั่งพิมพ์สั้นๆประจำวัน
ที่ไม่ค่อยจะได้สั้นแบบชื่อเลยสักตอน

Posted in สั้นๆประจำวัน | Tagged | Leave a comment

間章

20230909
Interlude
ขั้นกลางตอน วัยกลางคน

ในช่วงเวลาหนึ่งที่สอนน้องS ตอนอยู่ G.7
น้องS บอกว่าไม่อยากให้น้องโตขึ้น ไม่อยากให้ป๊าม้าอากงอาม่าแก่ขึ้นเลย
ตอนนั้นผมก็เฉลยกับน้องSไปว่าสิ่งที่เค้าต้องการนั้นเป็นไปไม่ได้

ถ้าต้นไม้ไม่ตาย ก็จะไม่มีปุ๋ยให้ต้นไม้ใหม่เกิดขึ้นมา

เมื่อวาน ช่วงที่คุณพยาบาลเรียกคัดกรองอาการ คุณพยาบาลถามว่า
”นามสกุลนี้ เป็นอะไรกับคุณ…”
”เป็นลูกครับ”
”คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง ไม่เห็นมาสักพักแล้ว”
”สบายดีครับ ยังเดินตรงขับรถได้อยู่”
“เห็นหน้าแล้วรู้เลยหน้าเหมือนกันมาก”

นั่งคุยกับคุณพยาบาลสักพักนึงเลย คุณพยาบาลบอกว่าลุงหมอเพื่อนคุณพ่อตอนนี้หง่อมแล้วต้องใช้ไม้เท้าเดิน ส่วนคุณพ่อผมยังสบายดี
คุณแม่ก็ยังสบายดี

ที่วันนี้มาตรวจฟันเพราะมีอาการเสียวฟันไม่รู้ว่าฟันผุรึเปล่า
หลังจากรอคิวจนอ่านหนังสือไปได้หนึ่งบท
เข้าไปตรวจฟันไม่นาน

ออกมาบอกสวัสดีลาคุณพบาบาลคุณพยาบาลถามว่าเป็นยังไงบ้าง
ผมก็ตอบไปตามตรงว่าเป็นอยู่สองอย่างคือ วิตก กับกังวล

สิ่งที่คุณหมอแนะนำคือ ให้นัดมาขูดหินปูน และถอนฟันคุดอีกซี่หนึ่งซี่นั้น

“ฝากสวัสดีคุณพ่อด้วย”

”ครับ” รับฝากส่งความสวัสดี

ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน เพื่อนสนิทของผมแจ้งข่าวมาว่าคุณแม่ได้เสียชีวิตลงแล้ว
เมื่อเดือนที่แล้วก็มีพ่อของเพือนเสียชีวิต
ก่อนหน้านั้นก็พ่อของเพื่อนอีกคนเสียชีวิต
ก่อนนั้นเป็นคุณแม่ของเพื่อน
ก่อนนั้นมีคุณพ่อของเพื่อน

ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่เสมอๆว่า แมวกับพ่อแม่เราตายก่อนเราแน่นอน
ไม่ว่าจะมีเวลาเหลืออยู่แค่ไหน ผมมีความตั้งใจว่าตอนที่พ่อแม่หรือแมวจากโลกนี้ไปผมไ่ม่น่าจะเสียใจเท่าไร
เพราะผมให้ได้ทุกสิ่งอย่างและยินดีมอบสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัดเช่นเวลาให้แบบไม่อั้น

มีช่วงหนึ่งที่มีเพื่อนๆน้องๆที่ได้พบเจอได้คุยให้ฟังว่า ช่วงนี้คุยกับที่บ้านไม่ได้มักจะวนไปเรื่องการเมืองแล้วทะเลาะกัน

ผมบอกกับทุกๆคนว่า ผมยินดีเสมอถ้าที่บ้านต้องการให้เลือกพรรคไหนกาเบอร์อะไร
ความสุขใจของพ่อแม่คือบริการของเรา ขอให้ไม่ผิดศีลเป็นโอเค

ที่เขียนมาจนถึงบรรทัดนี้เพราะ ถ้าเทียบอายุกัน พ่อผมตอนนี้ก็อายุเยอะกว่าตอนปู่ตายมาสักพักแล้ว ชีวิตที่ทุกวันนี้ล้วนเป็นกำไร
ส่วนแม่ถ้าเทียบกับอาม่า ก็ยังอยู่ได้อีกนาน

ช่วงนี้จึงไม่ค่อยอยากออกไปไหนไกลไม่อยากกลับบ้านดึก
เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลตัดออกไปก่อนได้เลย
ออกจากบ้านได้ไม่นานก็คิดถึงแมวแล้ว

บ้าบอ

Posted in สั้นๆประจำวัน | Leave a comment

歩道話

20230828
ほどうはなし
เรื่องเล่าริมทาง

วันนี้วันจันทร์แล้วครับ
ต่อจากเรื่องที่แล้วเช้าวันนี้ผมมีนัดนำรถเข้าไปตรวจสภาพหลังจากที่สตาร์ทไม่ติด
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องตื่นเช้ามาก เช้ามากสำหรับผมคือก่อน 8 โมง
วันนี้ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้แต่ไม่ทันที่นาฬิกาจะได้ทำหน้าที่
เสียงที่ทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นเสียงของอูนิแมวสีจินเจอร์

หลังจากเปิดประตูให้แมวออกไปเดินเล่น ล้างหน้าแปรงฟันก็ต้องเร่งไปที่ศูนย์บริการที่วางใจ
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ออกจากบ้านโดยไม่ได้นั่งเล่นกับแมวตอนเช้า
สภาพการจราจรไม่โหดร้าย ทำการจองเวลาไว้ที่ 9 โมงเช้าไปถึง 9 โมง 10นาที
ในรถวันนี้สารภาพว่าโล่งสะอาดผิดปกติวิสัย เอาของเล่นทั้งหมดออกจากรถเรียบร้อย
เป็นรถเปล่าที่มีหมอน 1ใบ รองเท้าหนัง 1คู่รองเท้าแตะ1คู่
สร้างภาพว่าเป็นคนพร้อมเปลี่ยนสภาพรองเท้าได้ทุกเมื่อ

แผนการในวันนี้คือจะรอรับรถที่เสร็จก่อนเที่ยงแล้วระหว่างนั้นจะนั่งทำงานที่ศูนย์บริการไปเรื่อยๆ
จนกระทั่ง

จอแสดงรายชื่อของรถที่เข้ารับบริการขึ้นบอกเวลาที่จะจบการให้บริการขึ้นมา 15:00 น.
ใจก็พร้อมจะแบกกระเป๋ากลับไปที่ออฟฟิศก่อนแล้วค่อยแวะกลับมาอีกทีช่วงบ่าย

หลังจากออกจากศูนย์บริการจึงได้ทีโอกาสไปยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์ที่ไม่มีผมเพียงผู้เดียวที่ยืนรอรถเมล์ ท่ามกลางการจราจรที่เบาบางของถนนนราธิวาส
รถเพียงสายเดียวที่เฝ้ารอคือสาย 77
ใช้เวลารอไม่นานฟังนิยายจีนจบไปได้ 1 ตอน

มาถึงบางรักประสบการณ์การขึ้นรถเมล์ของผมยังเป็นเหมือนกับช่วงก่อนๆที่ยังต้องโดยสารรถเมล์เป็นพาหนะหลัก
นั่นคือ ทั้งรถมีมักจะมีคนแก่เป็นส่วนมาก คนแก่คือ 60ปีขึ้นไป
เป็นเรื่องที่สงสัยแต่ไม่ต้องรู้ก็ได้ ว่าหนุ่มสาววัยทำงานหายไปไหนจากระบบขนส่งมวลชนในช่วง 10โมง

เยาวราช
เยาวราชเป็นถนนสายหนึ่งที่ต้องผ่านก่อนจะมุ่งกลับไปที่ออฟฟิศ
และตอนนี้ยังเช้าอยู่(ยังไม่เที่ยง) เลยลงรถที่ต้นถนนเยาวราช แวะไปกินบะหมี่ร้านที่ชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน

แต่มีปัญหาคือ
ในตัวตอนนี้มีแต่แบงค์พัน โทรศัพท์กล้องเสียบสแกนจ่ายไม่ได้
ตำแหน่งที่กดเงินที่พอจะนึกขึ้นได้เป็นที่สถานีรถใต้ดิน เลยต้องถ่อกายเดินไปที่สถานี

ที่หน้าสถานี มีเสียงคนทักมาว่า “พี่ไปลงที่สามยอดใช่มะ?”
พอหันกลับไปก็ได้พบกับ น้องจิวเด็กหนุ่มผู้ระทม
จิวเป็นรุ่นน้องคนหนึ่ง ที่ได้รู้จักกันเมื่อปีที่แล้วในช่วงปีสุดท้ายก่อนต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ในวันแรกที่ได้คุยกัน จิวเป็นเด็กที่เคยเรียนดีในช่วงม.ต้นไปได้ไกลถึงเกือบจะเป็นผู้แทนไปแข่งขันทางด้านวิชาการระดับโลก แต่ก็ทิ้งทุกอย่างหันไปให้กับการใช้ชีวิต
พอมารู้ตัวอีกทีก็ ม.6 เสียแล้วและต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอีก 5-6 เดือน
ในตอนนั้นผมได้แนะนำจิวไปว่า เวลาที่มีอยู่ 5-6 เดือนนี้ยังพอสำหรับเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ขอให้ตั้งใจอย่าหมดไฟ

วันนี้จิวเด็กหนุ่มผู้ระทมไม่ได้ระทมอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่จิวเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำในคณะวิศวกรรมดั่งที่คาดหวัง
ทั้งยังสมหวังกับความตั้งใจที่จะมีแฟนเมื่อเช้ามหาวิทยาลัย และได้กลุ่มเพื่อนที่ดี
ช่วงเวลาเรียนก็ดีไม่เช้ามาก จึงทำให้วันนี้ได้มาเจอกัน
โดยบังเอิญ

บทสนทนาทั้งหมดต้องจบลงจากจุดเริ่มที่หน้าสถานีวัดมังกรมาสิ้นสุดซื้อตั๋วในสถานี
. . . . ไม่มีตู้กดเงิน

ผมและน้องจิวจึงต้องแยกกันตรงนี้ ก่อนแยกกันจิวได้บอกกับส่งท้ายมาว่า สี่ห้าเดือนที่พยายามอ่านหนังสือสอบตอนนั้นมันคุ้มค่าจริงๆ
และจากนี้ผมขอตั้งชื่อให้ใหม่เป็น จิวเด็กหนุ่มผู้สมหวัง

ระหว่างทางกลับขึ้นมาหน้าสถานีผมก็เริ่มจะคิดได้ว่า เราไม่ต้องกดเงินก็ได้นี่หว่า
เราเอาแบงค์พันไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแล้วเอาเงินทอนไปกินข้าวก็ได้
. . . . .. ถ้าคิดได้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เจอน้องจิวเด็กหนุ่มผู้สมหวัง

วันนี้เรียกว่าโชคดีก็ได้มาถึงแล้วได้เจอเจ้ เจ้คือเจ้าของร้านบะหมี่สาขานี้
ต่างก็ทักมายกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อสื่อถึงกันว่ายังมีชีวิตที่สบายดี

วันนี้เจ้ก็ทักมาด้วยว่า “นี่แฟนพันธุ์แท้เลย กินมาตั้งแต่ตรงนี้ยังไม่ทุบ”
ร้านบะหมี่ร้านนี้เป็นร้านที่ผมได้มาเจอช่วงที่มาเรียนพิเศษในช่วง ม.6
เป็นโชคดีของผมที่ได้มาเจอร้านบะหมี่ที่ถูกใจตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 18 ปี

หลังจากกินข้าวเสร็จเวลายังเดินไปไม่ถึง 11โมง
ถ้าเทียบกับกิจวัตรของผมที่เป็นช่วงที่เพิ่งจะตื่นดีได้ไม่นาน
วันนี้ทำกิจวัตรทั้งหลายจบไปแทบจะหมดแล้ว เวลาที่เหลือของวันนี้ทั้งหมดคือกำไร

กลับมาถึงออฟฟิศไม่มีอะไรมากสะสางงานให้หมดจด
บ่ายสองออกเดินมางด้วยรถเมล์เพื่อไปรับรถ

ระหว่างที่รอรถ รถสาย 1 มาถึงพร้อมกันสองคัน
รถร้อนมาถึงก่อน รถแอร์ตามมาด้านหลัง
ก่อนที่รถจะมาจอดถึงผ้ายใจก็คิด
นั่งรถร้อนได้เจอผู้ร่วมเดินทางเยอะกว่า
นั่งรถแอร์ก็ได้ลองขึ้นสาย 1แอร์ ที่เพิ่งจะมี

เลยตั้งใจจะขึ้นรถแอร์ แต่
รถร้อนไม่ขยับครับ จอดแช่ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าทุกคนมาขึ้นคันนี้สิ
แล้วก็เหมอืนผมจะจับสัญญาณได้มั้งครับ เลยก้าวขึ้นไปบนรถร้อนกับผู่ร่วมเดินทางแปลกหน้าทั้งหลาย

ตลอดทางเส้นเจริญกรุง สิ่งที่ปรากฏออกมาคือรถร้อนไม่ยอมให้รถแอร์แซงหน้า
รถแอร์ก็ไม่แซง ใจผมก็คิดตลอดทางว่า จะลงจากรถร้อนไปขึ้นรถแอร์ดีไหมนะ
สุดท้ายเมื่อถึงแถวหัวลำโพงผมก็ลงจากรถร้อนเพื่อไปขึ้นรถแอร์

สรุปได้ว่าได้ 2 อรรถรสในการเดินทาง

พอถึงศูนย์บริการรับรถเรียบร้อย เอาใบขับขี่ใบไปให้ฝ่ายประกันเพื่อทำเรื่องเคลมก็ได้พบกับพีผ่ฝ่ายประกันที่เค้าจำหน้าผมได้ ก็ทักทายกันให้รู้ว่า วันนี้เอารภมาเช้คระยะตรวจสภาพ

ส่วนสาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากแบตเตอรีที่เพิ่งเปลี่ยนมาเมื่อปีที่แล้ว
ใช่ครับเพิ่งเปลี่ยนแบตมาเมื่อปีที่แล้ว แบตก่อนนี้ใช้มา 5 ปีไม่เคยมีปัญหาเปลี่ยนแบตนอกศูนย์ปีเดียวบุ้งเลย

วันนี้ทางทีมช่างเลยแนะนำให้เปลี่ยนแบตของศุนย์ที่ตรงกับรุ่นรถ
ราคาแพงกว่าสองเท่ากว่าๆแต่ก็พร้อมจ่ายครับ เพื่อความสบายใจของตัวเอง

วันนี้รวมๆแล้วเดินเยอะมากครับ กลับบ้านมาเกิดอาการที่เรียกอยู่คนเดียวรึเปล่าไม่รู้ว่า แสบดาก

วันนี้ก็ประมาณนี้ครับ

Posted in สั้นๆประจำวัน | Tagged | Leave a comment

一日中、僕と

20230827
いちにちちゅう、ぼくと
หนึ่งวันกับผม

วันนี้ครับ เป็นวันอาทิตย์ตามปกติ
ไม่มีกิจธุระพิเศษ ลืมตาขึ้นมาตอนเช้ากับคำถามที่ยังสงสัยกับตัวเองว่า
”นี่เราเครียดมั้ยวะ?”
จากสภาพที่มองดูตัวเองก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร แต่จะไม่เครียดหน่อยเลยหรือ?

เรื่องที่ชวนคิดว่าเครียดหรือไม่เครียดเริ่มาเมื่อวันศุกร์ครับ
สองวันก่อนหน้านั้นฝนตกหนักสองวันติด

วันศุกร์ตอนเช้าช่วงที่กำลังจะออกไปทำงาน รถสตาร์ทไม่ติด ( ・∇・)
แบตปกติ แต่สตาร์ทไม่ติด พอออกจากรถมาดู อาบิ๊กก็เดินมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เอ่อ คืออาบิ๊กเหมือนเป็นพ่อบ้านช่วยดูแลหลายสิ่งอย่างที่บ้านและฯ
พอบอกอาการและาสตาร์ทรถให้อาบิ๊กดูอาบิ๊กบอกว่า เสียงแบบนี้ไดสตาร์ท
พอชัวร์แน่ว่ารถสตาร์ทไม่ติด ใจก็นึกชอบคุณเจ้าฟอลคอน(น้องเรียกรถว่ามิลเลเนียมฟอลคอน aka.เจ้าฟอลคอน)ที่มาสตาร์ทไม่ติดหลังจากส่งของล็อตใหญ่มาหลายวันติด
ตั้งใจว่าอาทิตย์หน้าจะพาไปเข้าศูนย์พอดี แต่แบบนี้ได้เจอรถสไลด์ไปเข้าศูนย์แล้วมั้งนะ
แต่ก็ขอบคุณนะ

จากนั้นศุกร์เสาร์ก็เดินทางโดยขนส่งมวลชนกรุงเทพ
ต้องรอศูนย์เปิดวันจันทร์แล้วค่อยมาลองสตาร์ทอีกทีแล้วค่อยว่ากัน

เรื่องชวนคิดว่าเครียดหรือไม่เครียดก็เรื่องนี้แหละครับ
แถมอีกหน่อย คือด้วยความเปื้อยเหรื่อย ไม่ได้จ่ายภาษีรถมาสองปี เมื่อวานก็ว่างๆเลยเดินไปหาที่จ่ายภาษีรถ แต่จ่ายไม่ได้ ต้องเอารถไปเข้า ตรอ. แล้วเอาใบตรวจไปจ่ายภาษี
นี่ก็ชวนคิดครับว่าเครียดดีมั้ย
1.รถสตาร์ทไม่ติด
2.ต้องไป ตรอ. หรือไปขนส่งก่อนถึงจะต่อภาษีได้

ด้วยจิตที่เกียจคร้านก็คิดนะครับ อยากได้แบบบอกเลขบัญชีมาแล้วเราก็โอนๆๆมีคนไปเดินเรื่องให้ได้ไหมนะ

ตื่น

วันนี้มีเหตุต้องออกไปข้างนอกด้วยเพราะขนมแมวหมด ขนมครับไม่ใช่ข้าว
แต่ช่วงนี้กลายเป็นของที่ต้องได้กินทุกวัน จะมากจะน้อยก็ได้ แบบเป็นของว่าง
เป็นบรรณาการแห่งมิตรภาพจะหว่างคนกับแมว

พอจะออกจากบ้านหลังจากสวัสดีอาบิกเสร็จก็บอกว่า พรุ่งนี้อาจจะต้องสไลด์ไป
เลยเปิดกระโปรงหน้าดู อาบิ๊กก็มาช่วยดูแล้วบอกว่า อันี้ไดสตาร์ท ลองเคาะๆมันดูบางทีเวลาน้ำท่วม ถ่านมันเคลื่อน
จากนั้นอาบิ๊กก็ไปหาไขควงมาเคาะๆไดสตาร์ทแล้วบอกว่า ลองสตาร์ทดู
ติดครับ เขร้ใจ รถสตาร์าติดแล้ว ก็เบาใจได้สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้
ก็เบาใจแล้ว แต่วันนี้ตั้งใจจะไม่ขับรถอยู่แล้วเลยดับเครื่องไปรอไปเข้าศูนย์พรุ่งนี้

วันนี้กากอยจะเดินทางร่วมกับชาวเปโคปอง+
ปลายทางแรกของวันนี้คือร้านขายอาหารสัตว์ที่ห้างสรรพสินค้าหรูหราใกล้บ้าน
และเป็นนิมิตหมายที่ดีครับ ออกมาถึงป้ายรถเมล์รถก็มาทันที 42 ที่ไม่ได้เจอกันมานาน

พอขึ้นรถมายื่นแบงค์20ให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร เค้าก็ถามว่าไปลงไหน
”ร.พ.ตากสินครับ” เดี๋ยวนี้เค้าคิดเงินตามระยะทางแล้วหรือเพิ่งรู้

พอถึงแยกอุณากรรณ เสียงพนักงานเก็บค่าโดยสารก็ดังขึ้นมาว่า “ไปลงที่ไหนนะ?”
เราก็บอกไป “ร.พ.ตากสินครับ” พอตอบไปจึงรู้ว่าเค้าไม่ได้คุยกับเรา

ในรถมีผู้โดยสารอยู่ 4 กลุ่ม 5 คน
ข้าพเจ้า,ชายหญิงหนุ่มสาวคู่หนึ่ง,ป้าผู้หญิงด้านหลัง และชาวต่างชาติ(เอเซีย)
พนักงานเก็บค่าโดยสารหันไปบอกกับ หนุ่มสาวที่มาคู่กันว่า “ช่วยดูให้เค้าหน่อย”
สองคนนั้นพอจะสื่อสารได้ว่า เค้าจะไปไชน่าทาวน์ พนักงานเก็บค่าโดยสารก็ถามว่า ไชน่าทาวน์ไหน โรงแรมหรอ?

พอถึงตรงนี้ ดูแล้วหนุ่มสาวนี้สื่อสารไม่น่าจะไหวกับเวลาที่รถกำลังจะเข้าจอดที่ป้าย
เราก็เลยเดินไปบอกเป็นภาษาอังกฤษแปลได้ว่า ‘ถ้าคุณจะไปเยาวราช คุณลงที่ป้ายนี้แล้วขึ้นรถหมายเลข1 ไปอีก 2ป้ายจะถึงเยาวราช’
ชาวต่างชาติคนนั้นยื่นโทรศัพท์มาให้ดู เป็นข้อความแปลมาแล้วจากกูเกิ้ลว่า ‘สถานีต่อไป’ ภาษาต้นทางเขียนว่า 次の駅 จากนี้เป็นบทสนทนาที่แปลมาแล้วจากภาษาญี่ปุ่น

“เยาวราชคุณต้องลงที่ป้ายนี้ครับแล้วไปขึ้นรถสาย 1”
”ผมคิดว่าจะเดินไป”
“เดินไปได้ครับ เดินตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร”

และชายชาวญี่ปุ่นคนนั้นก็ลงจากรถไป พนักงานเก็บเงินกล่าวขอบคุณ
คู่หนุ่มสาวชายหญิง อาจจะงงในใจทำไมมันพูดได้หลายภาษา

ตัดไปลงรถเลย ร.พ.ตากสินเดินไปห้างสรรพสินค้าหรูหรามาง่ายกว่าขับรถมาเยอะเลย วันเสาร์อาทิตย์มาเสียเวลาหาที่จอดรถนานมากเข้ายากออกยาก สาธุ999

เดินดูขนมให้แมวก็เพลินดี ขนมแมวเป็นของอย่างหนึ่งที่คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน
แต่เราซื้อแล้วรู้ว่าอันไหนแมวเรากินหรือไม่กิน แบบดูออกเลยอันนี้ชอบ อันนี้ไม่ชอบ

ขากลับขึ้นสาย 3 มาที่นั่งอีกมุมหนึ่งเป็นชาวอินเดียผู้ชายสองคนขึ้นมาคุยตลอดทางเสียงดัง พนักงานเก็บเงินก็ไม่เดินมาเก็บเงิน เหมือนจะปล่อยผ่านให้ขึ้นฟรีไปเลย
ในเราหก็รอดูว่าสองคนนี้จะยังไง จนถึงช่วงหนึ่งชายคนหนึ่งในสองก็หันมาดูว่าทำไมไม่มีพนังกานมาเก็บเงิน ก็เข้าใจได้ว่าเค้าไม่ได้จะมาขึ้นรถฟรี แต่พนักงานเก็บค่าโดยสารปล่อยผ่านไม่เรียกเก็บเงินจากกำแพงทางภาษา

ยาวดี วันนี้สนุกดีขึ้นรถเมล์แล้วได้เรื่องได้ราวเหมือนเดิม หลังๆมานี้ไปไหนมาไหนถ้าไม่เดินไปก็จะขับรถไป ได้ความสะดวก พลาดเรื่องราวสนุกๆกับคนรอบข้าง

วันนี้ประมาณนี้ครับกับสั้นๆประจำวัน

Posted in バスの話, สั้นๆประจำวัน | Tagged , | Leave a comment

目を立てる:救急車

めをたてる:きゅうきゅうしゃ
Ambulance
ตาขวาง : รถฉุกเฉิน

มีเรื่องหนึ่งที่เป็นคำถามคาใจสงสัยคิดวกวนไปมาทุกครั้งที่ขับรถอยู่บนถนน
ว่า “ถ้ามีรถพยาบาลวิ่งมา เราจะหยุดหรือหลบให้ทางรึเปล่านะ?”

วันนี้เมื่อช่วงเย็นเลยกำลังขับรถไปส่งของแล้วได้ยินเสียงไซเรนมาจากด้านหลัง
เราก็ยังขับรถต่อไปเรื่อยๆเตรียมเลี้ยวซ้าย เรียบๆไม่เหยียบไม่ซิ่ง
พอใกล้ๆแยกก็เห็นรถฉุกเฉินที่เปิดไซเรนวิ่งมาเทียบข้างๆ เหมือนจะเลี้ยวขวาไปโรงพยาบาลแถวๆนี้
เราก็เห็นแล้วแหละ เค้าก็วิ่งมาทำท่าจะแซง เราก็ไม่ชลอให้ แล้วสักพักเค้าเร่งเครื่องชัดเจนว่าจะแซงตัดหน้า

เลยบีบแตรใส่มันไปทีนึง รถฉุกเฉินคันนั้นเลยชลอไม่ได้ปาดมาแซง
แล้วเราก็เลี้ยวของเราไป
เวลาเราขับรถ ทุกครั้งที่เราบีบแตรเราชัวร์มาก ว่าแกผิดแน่นอน
รถฉุกเฉินคันนี้ก็เหมือนกัน ตอนเค้าขับมาเทียบข้างๆเราหันไปดูเรียบร้อยแล้ว
แม่งรถฉุกเฉินไม่ได้รับอนุญาต จริงๆติดไซเรนได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เป็นรถพยาบาลเอกชน

วันนี้เลยได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่าเวลาเจอรถฉุกเฉินวิ่งมา ถ้าไม่ใช่รถฉุกเฉินที่ได้รับอนุญาต เราไม่หยุดให้นะครับ

เรื่องมันเริ่มมาจากตอยที่ช่วงหนึ่งมีข่าวมาว่าการไม่หยุดให้รถฉุกเฉินมีความผิดตามกฏหมาย

พอเห็นก็สงสัยแล้วเพื่อให้คลายความสงสัยเลยต้องไปเปิด พ.ร.บ.อ่าน

เอาเป็นว่าวิธีดูรถฉุกเฉินได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับอนุญาตสังเกตง่ายๆคือ
รถฉุกเฉินที่ถูกกฎหมายจะมีคำการเขียนหรือติดป้ายว่า
”รถฉุกเฉินได้รับอนุญาต” แบบนี้

“รถฉุกเฉินได้รับอนุญาตแล้ว”

เอาอีกตัวอย่าง

ส่วนรถฉุกเฉินที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือพวกธุรกิจรถพยาบาลรับจ้างจะเป็นประมาณนี้รึเปล่านะ

หรือดูที่เบอร์โทรข้างรถก็ได้

บางทีก็สงสัยว่าถ้าหลบให้จะเป็นอะไรมากรึเปล่า
ก็ไม่เป็นไรมั้ง แต่เราไม่ชอบพวกแอบตีกิน ประกอบอาชีพเอาเปรียบเพื่อนร่วมถนน

อีกประเภทหนึ่งของรถฉุกเฉินที่ไม่ได้รับอนุญาตแล้วมีให้เห็นตามชานเมืองหรือในต่างจังหวัดที่เป็นพวกรถแต่งทำเหมือนฉุกเฉินก็มีรวมกันเป็นกลุ่มเป็นทีมให้เห็นบ้าง

มันก็มีเรื่องย่อยแยกไปอีกว่า กลุ่มมูลนิธิที่ทำงานอาสา ก็เป็นธุรกิจให้ความช่วยเหลือ
อาจจะเป็นฐานเสียงเวลาที่มีการเลือกตั้งต่างๆด้วยรึเปล่า

ก็เอาเป็นว่า คุณทำงานของคุณเราทำงานของเรา
แต่ถ้าเป็นรถเถื่อนวิ่งมาแล้วเราจับได้
ไม่หลบให้นะครับ

เดี๋ยวก็ต้องมีแหละครับที่คอมเม้นถามมมาว่า ถ้าเป็นพ่อแม่คุณอยู่ในรถจะทำยังไง
”ทำตามกฏหมายครับ” เราใช้กฏหมายร่วมกันโอเคนะ

Posted in 目を立てる | Tagged | Leave a comment

君が何をたべる君に

20230716
What are you eat is you
กินอะไรอย่างนั้นคุณเป็น

Day5 ยังคงเจ็บคอ ฟื้ดฟั่ด เสมหะเขียวแต่น้อยลง สังเกตว่าช่วงหลับมาบ้านหลังอาบน้ำก่อนนอน มีฝื่นขึ้นคันๆมาสามวันต่อเนื่อง

วันนี้ก่อนที่จะเริ่มนั่งเขียน ผมถึงกับต้องกลับไปเปิดดูว่าอาการผิดปกติจากอาหารที่เคยเป็นหนักๆก่อนหน้านี้คืออะไร ต้องยอมนับว่าเป็นการมานั่งเขียนอะไรแบบนี้มันมีส่วนช่วยในการย้อนกลับมาดูตัวเองในวันหนึ่งที่ยังมาไม่ถึง
เรื่องเก่าก็เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานแต่เหมือนขาดการได้รับความสนใจ จนต้องมาดูงานเขียนเก่าๆของตัวเองแล้วพบว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่สบายเพราะอาการแพ้เห็ดฟางที่เก็บไม่ดี

เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมแปลกใจกับตัวเองพอสมควร เพราะปกติผมจะมีรายการของอาหาร และผลจากการกินอาหารต่างๆของตัวเองอยู่ในหัวเสมอ

แต่ดันมาลืมเรื่องที่ป่วยหนักเพราะกินเห็ดฟางเสีย
เรื่องเห็ดเสียนี่เป็นสถานการณ์ไม่ปกติแหละครับ

ถึงตรงนี้ก็ต้องเริ่มเล่าถึงต้นเรื่องเอาในตอนกลางของเรื่องที่เริ่มในวันอังคารที่ผ่านมา (20230712) ตอนกลางคืนหลังจากที่ผมเลิกงานแล้วไปพบปะเล่นการ์ดกับเหล่าเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันมาสักพัก

หลังจบจากงานแข่งน้องที่เล่นด้วยกันก็ชวนไปรับประทานอาหาร
นับเป็นอาหารมื้อแรกของวันของผมก็ได้ครับเพราะตั้งแต่เช้าวันนั้นดื่มกาแฟดำเพียงอย่างเดียว

ร้านอาหารที่รุ่นน้องชวนไปนั้นเป็นร้านอาหารที่ผมได้ยินชื่อมานานแล้วแต่ไม่เคยมีโอกาสได้ไปรับประทาน ที่ร้านค่อนข้างจะสร้างความตื่นตาตื่นใจกับผมมากเพราะร้านนี้เป็นร้านบุฟเฟต์เปิดให้บริการถึงเวลาตี5 รุ่นน้องของผมบอกว่าปกติร้านนี้คิวจะยาวมากต้องรอกันเป็นชั่วโมงๆ แต่ที่ผมไปนั้นสี่ทุ่มกว่าแล้วมีคิวอยู่แต่รอไม่นานก็ได้ที่นั่งกัน

ขอเล่าถึงความตื่นตาตื่นใจอีกเรื่องคือ ผมไม่คิดว่าในปัจจุบันนี้จะมีคนให้ความสนใจกับการกินอาหารแบบบุฟเฟต์ในตอนกลางคืน ซึ่งผมจะกินอะไรในช่วงเวลานี้คงเป็นการนั่งดื่มสังสรรค์กับพรรคพวกมากกว่าจะกินอาหารแบบจริงจัง

ส่วนขั้นตอนแรกที่ร้านนี้ก็เหมือนกับร้านสไตล์สุกี้ชาบูทั่วไปคือต้องเลือกน้ำซุปเป็นอันดับแรกๆ น้ำซุปที่เลือกไปสองอย่างคือ น้ำใส และน้ำต้มยำ เป็นต้มยำน้ำข้นด้วยนะครับที่ร้านนี้
ในตอนที่รายการอาหารที่สั่งรอบแรกมาส่งครบเราก็ใส่ทุกอย่างลงไปต้ม

ส่วนวิธิการในการต้มของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปตามความชอบของแต่ละคนจากประสบการณ์การสังเกตท่ีผมพบมาคือ คนประเภทหนึ่งจะใส่เนื้อสัตว์ลงไปต้มค้างเอาไว้ในหม้อ และคนอีกประเภทหนึ่งจะใส่เนื้อสัตว์ลงไปลวกไม่นานแล้วก็ทานกันเลย

ผมเป็นคนประเภทที่นิยมลวกไม่นานแล้วยกขึ้นมาทานเลย
ในช่วงเวลาที่ผมคิดว่าน้ำเดือดได้ที่เนื้อก็เอาลงไปต้มน่าจะสุกกำลังดีแล้ว ผมบอกกับรุ่นน้องออกไปคำนึงว่า “เอาวะ ตายเป็นตายพรุ่งนี้รู้กัน” จากนั้นผมก็หยิบหมูสามชั้นสไลด์จากในหม้อขึ้นมาทานอย่าง เอร็ดอร่อย
เราจบมื้อแรกในตอนค่ำของวันนั้นเรียกว่าอิ่มหนำสำราญ

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการขี้แตกรัวๆๆพ่วงเจ็บคอ รู้ทันทีว่าร่างกายไม่ปกติแน่นอน
อาการคือเจ็บคอ ไม่มีไข้ มีเสมหะสีเข้มเหลือง
วินาทีที่เห็นสีของเสมหะผมจึงทราบแน่ชัดว่า ร่างกายน่าจะโดนแบคทีเรียเข้าซะแล้ว

อาการตั้งแต่เช้าวันพุธจนถึงวันนี้คือวันอาทิตย์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ยังคงเจ็บคอมีเสมหะน้อยลงตามเวลาที่ผ่านไป

——————————————-

และวันนี้ผมมีโอกาสได้นัดไปรับประทานอาหารที่ร้านนี้อีกครั้งคราวนี้ไปกับรุ่นพี่ที่โรงเรียน ผมได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองไปให้รุ่นพี่ของผมฟัง และรุ่นพี่ได้บอกมาว่าเนื้อหมูนั้นไม่สามารถกินแบบกึ่งสุกกึ่งดิบแบบเนื้อวัวได้เพราะเนื้อหมูมีเชื้อโรคตกค้างมากกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่น

เรื่องเชื้อโรคในเนื้อสัตว์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เป็นข่าวขึ้นมาเสมอๆว่ามีคนรับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมูไม่สุกแล้วหูดับ ติดเชื้อ พิการ เสียชีวิตอยู่เสมอ
จนหลังจากกลับมาบ้านผมจึงเริ่มหาข้อมูลและงานวิจัยเกี่ยวกับเนื้อหมูที่น่าสนใจคืออันนี้

สรุปโดยย่อว่าในเนื้อหมูในพื้นที่ที่ทำการวิจัยพบว่าเกินร้อยละ 50 มีแบคทีเรียปนเปื้อนอย่างน้อย 1 ชนิด
เหตุการณ์นี้เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนมุมมองในการรับประทานเนื้อหมูของผมไปมากทีเดียว และมองย้อนกลับไปไกลจนเข้าใจถึงหลักการในบางศาสนาที่ไม่บริโภคเนื้อหมู

ในมื้ออาหารวันนี้ผมก็ยังสั่งเนื้อหมูมาประกอบการรับประทานแค่ไม่ทานเข้าไปแบบกึ่งสุกกึ่งดิบแล้ว

ส่วนคำแนะนำของกรมอนามัยแนะนำว่าควรรับประทานเนื้อหมูที่โดนความร้อนมากกว่า 70 องศสเซลเซียสขึ้นไปเป็นเวลาเกิน 5 นาที นี่คือวิธิการปรุงที่ปลอดภัยแน่นอน

แต่ระหว่างที่เขียนอยู่ผมก็ยังคงมีข้อสงสัยกับตัวเองอยู่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาที่รับประทานสุกี้ชาบู ผมก็รับประทานเนื้อหมูด้วยวิธิการเดียวกันนี้มาโดยตลอด
แต่ที่ต่างกันคือ ราคาของร้านที่ผมไปทานเป็นปกติ มีราคาสูงกว่าร้านที่เพิ่งไป

แล้วที่ผมลุกขึ้นมานั่งเขียนให้คุณๆได้อ่านอยู่กลางดึกซึ่งอาจจะไม่ตรงกับช่วงเวลาที่คุณอ่านกัน เป็นเพราะว่าหลังจากวันนี้ที่ไปรับประทานสุกี้ชาบูร้านนี้อีกรอบแต่คนละสาขาพอผมกลับมาที่พำนัก สักพักก็เกิดอาการคันตามตัว ไม่มีผื่น พอลองคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว วันนี้ร่างกายของผมน่าจะรับโซเดียมจากน้ำซุปมากเกินปกติ

เรื่องน้ำซุปนี่วันหลังผมอาจจะเขียนเอามาเล่าให้อ่าน
ส่วนวันนี้ก็สรุปกันได้ว่าการรับประทานเนื้อหมูควรปรุงให้สุกดี
หรือเลี่ยงได้ก็เลี้ยง ไก่ และ วัว ปลา ยังมีอยู่ในโลก

หลายๆเรื่องเช่นการเขียนหนังสือ ถ้าเขียนในช่วงเวลาที่สุกดีอารมณ์ครุกรุ่นได้ที่ชิ้นงานที่ออกมาจะใช้นิ่วขับตัวหนังสือออกมาเป็นลำนำได้ไสว เวลาอ่านเมื่อใดก็จะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ต่างๆที่ปรากฏออกมาแปรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุของผู้อ่าน

Lucky ‘n Luxury

Posted in สั้นๆประจำวัน | Tagged | Leave a comment

途中

20230517
とちゅう
ระหว่างทาง

วันนี้ตั้งใจเดินไปส่งของและจะวัดใจเดินต่อไปกินบะหมี่ร้านนั้น
ระหว่างทางรอข้ามถนนที่แยกวัดตึก รถเคลื่อนตัวไปด้วยดี . . . . ในช่วงแรก
จนกระทั่งเส้นทางที่เปิดไฟเขียวไม่มีรถวิ่งแล้ว สัญญาณไปก็ยังไม่เปลี่ยน
ตอนแรกก็่ยังไม่อะไร สักพักคิดว่ามันไม่ใช่ละ ไม่น่าจะเป็นสัญญาณอัตโนมัติ
สัญญาณไฟจราจรเป็นแบบควบคุมมือแน่นอน

พอหันไปที่ป้อมคุมสัญญาณไฟจราจร
ที่หน้าป้อม มองจากทางไกลมีชายวัยกลางคนใส่แว่นดำยืนชี้ๆชายอีกคน
เอาง่ายๆเหมือนกำลังด่าคนให้ตำรวจฟัง
พี่ตำรวจก็ใจเย็น ยืนรับฟังประนีประนอม

ประนีประนอมในขณะที่อีกฝากของถนนมีนิสิตหญิงยืนตากแดดรอข้ามถนนอยู่
น้องเค้าก็เป็นวัยรุ่นที่น่าชื่นชมที่แม้ถนนจะโล่งก็ไม่วิ่งข้ามแบบคนอื่นๆที่ข้ามมากันหมดแล้ว
กันก็ยังไม่ข้าม กำลังตัดสินใจอยู่ว่าระหว่างเดินไปบอกพี่ตำรวจให้เปลี่ยนสัญญาณไฟกับยืนรอสัญญาณไฟเปลี่ยน มันจะใช้เวลาแตกต่างกันรึเปล่า

ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจพี่ตำรวจน่าจะมีเพื่อนตำรวจแจ้งมาในวิทยุสื่อสารว่า
มึงทำอะไรของมึงรถติดไปหมดแล้วไอ่สัส <<< (คิดเอาเอง)
พี่ตำรวจเลยปล่อยคนหน้าป้อมตำรวจยืนทะเลาะกันไป แล้วเข้าเปลี่ยนสัญญาณไฟ

จบเหตุการณ์วัดใจแยกวัดตึก

(o|o) <<< kao moji รูปอุลตร้าแมน

ระหว่างทาง ยังไม่ถึงร้านบะหมี่
เออ ร้านมันก็ไกลแหละถ้าเดินไป แต่ก็เดินไปได้

เดินผ่านร้านอาหารข้างทางร้านหนึ่งไม่ได้ดูว่าร้านอะไรมีนักท่องเที่ยวพูดไทยไม่ได้นั่งล้อมฟังไกด์หรือพนักงานร้านบรรยายรายการอาหารว่า

It a japanese name.
Made with Chinese ingredients
in THAI style

แปลได้ว่า อาหารนี้มีชื่อเป็นญี่ปุ่น ทำด้วยวัตถุดิบของจีน ด้วยวิธิแบบไทย
ก็ไม่ได้หันไปดูว่าคืออะไร ได้แต่พกความสงสัยเป็นเพื่อนคู่คิดร่วมทางไปกินข้าวด้วย
พลางคิดขวางทางไปว่าของที่ใช้ทำก็อยู่ในไทยทำไมไม่ บอกว่าเป็น Thai ingredients ฟระ
เส้นทางที่ใช้เดินวันนี้เดินผ่านร้านลอดช่องก่อนจึงกินลอดช่องก่อนค่อยไปกินบะหมี่
ลำดับไม่สำคัญมีให้กินครบใจก็พอ

ระหว่างทางกลับบังเอิญว่าเดินกลับทางเดิมเลยผ่านร้านอาหารริมทางร้านนั้นอีกครั้ง
และยังคงหาคำตอบไม่ได้เลยเหลือบตาไปดูเฉลยจะได้ไม่คาใจ

มันคือ สุกี้ สุกี้เนื้อหมูไก่ สุกี้น้ำ สุกี้แห้ง
ชะมดย้อยมาก

ที่ร้านคนที่บรรยายน่าจะเป็นคนรับออเดอร์ไม่ใช่ไกด์แหละเพราะเค้ายังให้นักท่องเที่ยวมานั่งล้อมวงดูเมนูแล้วบอกว่า Sukiyaki

ตลอดทางกลับมาเอามาคิดต่อว่า สุกี้ มันมาตอนไหนเดี๋ยวต้องไว้กลับไปสืบต่อซะหน่อยแล้ว

จนถึงบรรทัดนี้ไม่มีอะไรเขียนต่อ
นิ้วมือยังวางอยู่บนแป้นพิมพ์
แต่ใจไปจับคอลโทรเลอร์เตรียมสตรีมเกมส์ต่อแล้ว

End of Story

Posted in สั้นๆประจำวัน | Leave a comment